วิธีการดูแลและทำความสะอาดโซฟา
โซฟาหนังแท้
มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า อีกทั้งยังดูแลรักษาได้ง่ายมากๆ ถึงจะถอด ซักโซฟา ไม่ได้เหมือนโซฟาผ้า แต่ก็สามารถ ทำความสะอาดโซฟาหนัง ได้ด้วยดังวิธีดังต่อไปนี้
1. ทำความสะอาดโซฟา แบบ LEANING คือการทำความสะอาดคราบสกปรกออกไป โดยใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นหมาดๆ เช็ดถู การ ทำความสะอาดโซฟา ด้วยวิธีนี้ ทำง่าย แถมยังสะดวก แต่ควรทำ 6 เดือนครั้ง ก็เพียงพอแล้ว
2. ทำความสะอาดโซฟา แบบ WAX คือการเคลือบเงาให้ โซฟาหนัง ทำให้ดูใหม่และเงาอยู่เสมอ ด้วยน้ำยาเคลือบหนังที่มีขายทั่วไป ซึ่งถ้า โซฟาหนัง ของคุณอยู่ในห้องปรับอากาศที่ดี ก็ไม่จำเป็นต้องเช็ดบำรุงรักษาบ่อยมากนัก แค่ประมาณปีละครั้งก็พอ แต่ไม่ควรนำน้ำยาทำความสะอาดทั่วไป ที่ไม่ใช่เฉพาะเครื่องหนังมาใช้ เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายได้
ทั้งนี้ หากเป็น โซฟาหนังกลับ อาจต้องดูแลรักษามากกว่า โซฟาหนังแท้ เพราะ โซฟาหนังกลับ จะเก็บความสกปรกไว้ได้มากที่สุด วิธีการ ทำความสะอาดโซฟา ให้ใช้แปรงขนสีดำค่อนข้างแข็งแปรงไปในทางเดียวกัน ประมาณ 1-2 อาทิตย์ต่อครั้ง แต่หากเกิดรอยเปื้อนมาก ให้ใช้แปรงสีฟันจุ่มลงน้ำสบู่พอหมาด แล้วแปรงบริเวณรอยเปื้อนไปในทางเดียวกัน จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำหมาดเช็ดออกอีกครั้ง
ข้อควรระวัง ต้องไม่ตั้งในบริเวณที่ถูกแสงแดดโดยตรง หรือวางใกล้กับความร้อนมากเกินไป เพราะอาจทำให้หนังแห้งและเกิดรอยแตกได้
โซฟาผ้า
ปัจจุบัน โซฟาผ้า มักจะเป็นตัวเลือกที่ตรงใจหนุ่มสาวสมัยใหม่ เพราะมีลวดลายสวยๆ งามๆ ให้เลือกเยอะ นั่งสบาย ราคาก็ไม่แพง แถมยังดูแลรักษาได้ง่ายอีกด้วย แต่สำหรับใครที่กำลังจะตัดสินใจซื้อ โซฟาผ้า ก็ต้องดูให้ดี เพราะ โซฟาผ้า มีทั้งแบบถอดซักได้ และถอดซักไม่ได้ ถ้าเลือกแบบถอดซักได้ก็จะสะดวกกว่าในเรื่องการทำความสะอาด
ในส่วนของ โซฟาผ้า ที่ถอดซักได้นั้น การ ทำความสะอาดโซฟา จะง่ายกว่าตรงที่ เมื่อใดก็ตามที่คุณเริ่มรู้สึกว่ามันสกปรก และมีกลิ่นอับก็สามารถทำการ ซักโซฟา ทำความสะอาดโซฟา โดยการถอดชิ้นส่วนไปซักได้เอง แต่ไม่แนะนำให้ ซักโซฟา ด้วยเครื่องซักผ้า เพราะอาจทำให้เสียทรงได้ ยิ่งหากเป็นผ้าที่มีคุณภาพสูงและราคาแพงด้วยแล้ว จะดีกว่าหากคุณ ซักโซฟา ด้วยมือ
อย่างไรก็ตาม ถ้าหาก โซฟา เป็นผ้าแบบที่ถอดซักไม่ได้ หากใช้ไปนานๆ ก็อาจต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องกลิ่นพอสมควร แต่ถึงจะ ซักโซฟา ไม่ได้ แต่ก็มีวิธี ทำความสะอาดโซฟา ด้วยวิธีอื่น
ผ้าที่ใช้ในการตกแต่งบ้าน แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ผ้าจากเส้นใยธรรมชาติ และผ้าจากใยสังเคราะห์ โดยมากชนิดผ้าที่พบในท้องตลาดมักจะเป็นชื่อเฉพาะ ซึ่งเป็นส่วนผสมของเส้นใยหลายชนิด บางครั้งจะบอกเป็นเปอร์เซ็นต์ว่า มีส่วนผสมของเส้นใยชนิดต่างๆ ที่ประกอบกันอยู่ สิ่งเหล่านี้ทำให้คุณสมบัติของผ้าแตกต่างกันออกไป รวมทั้งการดูแล รักษาก็จะต้องคำนึงถึงส่วนประกอบของเส้นใยผ้าดังกล่าวด้วย ในเบื้องต้นเราจึงควรมาทำความรู้จักกับผ้าที่นิยมใช้ทั่วๆ ไปกันก่อน
ผ้าลินิน (Linen). เป็นผ้าจากเส้นใยธรรมชาติ ระบายความร้อนได้ดี ทนความร้อนสูง นิยมใช้เป็นผ้าม่าน ผ้าเช็ดมือ รวมทั้งผ้าบุเครื่องเรือน การทำความสะอาดเบื้องต้นควรซักมือ ใช้ความร้อนปานกลางถึงสูงในการรีด ไม่ควรใช้น้ำยาซักผ้าขาว
ผ้าไหม (Silk). จัดเป็นผ้าที่ได้จากเส้นใยธรรมชาติที่มีราคาแพง นิยมใช้เป็นผ้าบุหมอนอิง หรือตกแต่งส่วนที่ต้องการเน้นความหรูหรา สามารถซักมือได้ในน้ำอุ่นโดยม้วนกับผ้าขนหนูและซักด้วยแชมพูอ่อน ควรใช้ความร้อนปานกลางในการรีด และไม่ควรใช้น้ำยาซักผ้าขาว
ผ้าฝ้าย (Cotton). เป็นผ้าที่ได้จากเมล็ดฝ้าย มีการระบายความร้อนได้ดี ค่อนข้างทนทาน สัมผัสสบาย นิยมใช้เป็นทั้งผ้าบุและผ้าม่าน การดูแลรักษาเบื้องต้นสามารถซักได้ทั้งมือและเครื่อง การรีดใช้ความร้อนปานกลาง
ผ้าขนสัตว์ (Wool). ให้ผิวสัมผัสที่แตกต่างจากผ้าชนิดอื่นๆ มีความหนาและให้ความอบอุ่น เนื่องจากความหนาและมีคุณสมบัติในด้านความทนทาน จึงมักใช้เป็นส่วนผสมกับเส้นใยอื่นๆ ทำเป็นผ้าบุเครื่องเรือน และหมอนอิง รวมทั้งเป็นผ้าคลุมเตียงหรือส่วนตกแต่งที่ต้องการให้ดูแปลกตา ข้อควรระวังในการดูแลรักษาเบื้องต้นคือ ควรซักแห้งและควรให้ความระมัดระวัง เพราะผ้าขนสัตว์บางชนิดมักจะหด หากซักไม่ถูกวิธี
ผ้าอะครีลิก (Acrylic). เป็นผ้าใยสังเคราะห์ที่มักนิยมใช้เป็นส่วนผสมกับเส้นใยอื่นๆ เป็นผ้าม่านหรือผ้าม่านโปร่ง วิธีทำความสะอาด ควรซักมือ ส่วนการรีดควรใช้ไฟอ่อนเท่านั้น
ผ้าไนลอน (Nylon). เป็นผ้าใยสังเคราะห์ที่มีความทนทานและความยืดหยุ่นสูง สามารถซักได้ทั้งมือและเครื่อง รวมทั้งสามารถปั่นแห้งด้วยเครื่องได้ สำหรับผ้าขาวควรใช้น้ำยาซักผ้าขาวเป็นครั้งคราว เนื่องจากเมื่อใช้นานๆ ผ้าจะกลายเป็นสีเหลืองได้
ผ้าเรยอน (Rayon). เป็นผ้าที่ทำจากเซลลูโลส มีหลายเกรด ไม่ทนความร้อน มักใช้เป็นผ้าม่านเนื่องจากทิ้งตัวและมีน้ำหนักดี ผ้ากำมะหยี่ก็จัดเป็นผ้าเรยอนอีกชนิดหนึ่ง เรยอนปรกติซักได้ด้วยมือ แต่เนื่องจากมีหลายเกรด จึงควรอ่านฉลากแนะนำสำหรับการดูแลรักษาให้ละเอียด
ผ้าสแปนเด็กซ์ (Spandex). เป็นผ้ายืดที่มีความยืดหยุ่นตัวสูง มักจะคืนตัวเมื่อถูกยืด โดยทั่วไปซักได้ทั้งมือและเครื่อง
การดูแลทำความสะอาดโซฟาและผ้าบุโดยทั่วไปให้สะอาดและดูใหม่เสมอ นอกเหนือจากการปัดหรือดูดฝุ่นเป็นประจำแล้ว การนำไปซัก หรือทำความสะอาดควรตรวจเช็คองค์ประกอบของผ้าตามฉลากที่แนบมาเสมอ อักษรย่อที่มักระบุในแถบผ้าได้แก่ WS สามารถทำความสะอาดได้ด้วยน้ำและสบู่หรือโฟม และซักแห้ง, W ควรใช้โฟมหรือสบู่อ่อนในการทำความสะอาดเท่านั้น, S ควรทำความสะอาดโดยใช้ผลิตภัณฑ์ซักแห้งเท่านั้น, X ไม่ควรใช้สารเคมีในการทำความสะอาด ควรใช้แปรงปัดหรือดูดฝุ่นเท่านั้น สำหรับม่านแบบ Roller blind ให้ทำความสะอาดด้วยผ้าที่ไม่มีไฟฟ้าสถิตชุบน้ำหมาดๆ เช็ดและผึ่งแดดให้แห้ง ก่อนนำกลับไปติดตั้งใช้งานตามเดิม
ดังนั้น สรุปได้ว่าวิธีทำความสะอาดโซฟาที่ดีที่สุด คือ..
1. ใช้น้ำยาทำความสะอาดของเบาะรถยนต์ มีหลายยี่ห้อ หากคุณภาพดีราคาจะสูงหน่อย มี 2 แบบ คือเป็นโฟม และเป็นน้ำ สามารถใช้ได้ทั้ง 2 แบบ
2. ก่อนใช้น้ำยาทำความสะอาดให้ทดสอบกับด้านหลังโซฟาก่อน เพราะผ้าบางตัวจะสีตก หรือสีซีดได้ ดังนั้น ควรทดลองเป็นจุดเล็กๆ ก่อน ประมาณเหรียญสิบบาท เพราะถ้าเล็กเกินไปจะมองไม่ค่อยออกว่าซีดหรือเปล่า
3. ถ้าทดลองแล้วใช้ได้ ก็เริ่ม ทำความสะอาด โซฟา กันได้เลย โดยหาผ้าผืนเล็กๆ หลายๆ ผืน (ถ้าเป็นผ้าสีขาวจะดีมาก) จากนั้นฉีดน้ำยาลงไปบนโซฟาพอประมาณ(อย่าฉีดจนชุ่ม) ทิ้งไว้สักพักแล้วใช้ผ้าเช็ด ออกแรงกดเล็กน้อย แล้วคราบสกปรกจะจางลง อย่างไรก็ตาม หากผ้าที่ใช้เช็ดเริ่มดำให้เปลี่ยนใช้ผ้าผืนใหม่ทันที เพราะหากไม่เปลี่ยน คราบสกปรกเหล่านั้นก็จะไปติดบน โซฟา แทน ทำให้ยิ่งเลอะเทอะกันไปใหญ่
4. ปกติน้ำยาทำความสะอาดพวกนี้จะมีน้ำหอมดับกลิ่นผสมอยู่ ซึ่งจะช่วยให้ดับกลิ่นได้พอสมควร แต่สำคัญที่สุดควรจะนำ โซฟา ไปผึ่งแดดอ่อนๆ ก็จะช่วยฆ่าเชื้อและปราบกลิ่นอับได้อยู่หมัด
เกร็ดเล็กน้อย (การกำจัดรอยเปื้อน)
“รอยเปื้อนจากชา กาแฟ” เช็ดให้ชุ่มด้วยโซดาหรือเซเวนอัพ จากนั้นใช้กระดาษทิชชูซับจนคราบจางลง ก่อนนำไปซัก ส่วนในกรณีที่รอยเปื้อนแห้งแล้ว ให้นำไปแช่น้ำหรือทำให้เปียก แล้วให้หยดไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 3% ทิ้งไว้สี่ชั่วโมงแล้วซับออก ถ้าคราบยังออกไม่หมดให้ทำซ้ำและทิ้งไว้ข้ามคืนก่อนนำไปซักน้ำ
“รอยเปื้อนจากเบียร์” ให้ซับเอาเบียร์ที่หกออกให้มากที่สุดก่อน และใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดจนกว่าคราบจะจาง ส่วนกรณีที่รอยเปื้อนแห้งแล้ว ให้นำฟองน้ำชุบผงซักฟอกซับรอยเปื้อนออก ถ้ายังไม่ออกให้ใช้กรดแอซิติก 3% หรือน้ำส้มสายชูหยด แล้วซับออกด้วยผ้าหมาด
“รอยเปื้อนจากไวน์แดง” ให้รีบหาน้ำโซดาแถวๆ นั้น ราดลงไปบริเวณที่ไวน์แดงหกใส่ หรือใช้วิธีโรยเกลือทิ้งเอาไว้ แล้วค่อยซักหรือเช็ดออกด้วยน้ำสบู่ เท่านี้รอยคราบก็จะจางและหายไป
“รอยเปื้อนจากน้ำผลไม้” สิ่งที่จะช่วยในการกำจัดคราบน้ำผลไม้ กลับเป็นน้ำผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นกรด นั้นคือ น้ำมะนาวนั้นเอง ให้ใช้มะนาวถูลงบริเวณที่เปื้อน แล้วขยี้ออกด้วยน้ำอุ่นอีกครั้ง
“รอยเปื้อนจากหมากฝรั่ง” ให้นำน้ำแข็งมาถูกับบริเวณที่หมากฝรั่งติดจนหมากฝรั่งแข็งตัว จากนั้นใช้สันมีดขูดเอาหมากฝรั่งออก ส่วนรอยเหนียวสามารถขจัดออกได้ด้วยผงซักฟอกหรือผลิตภัณฑ์กำจัดคราบทั่วไป
“รอยเปื้อนจากอาเจียน” ให้ซับรอยเปื้อนด้วยทิชชูออกให้มากที่สุดขณะยังเปียกจากนั้นให้ฉีดสารทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของแอมโมเนียเพื่อขจัดคราบโปรตีน แล้วจึงนำไปซักตามปรกติ
ข้อควรระวัง: คราบที่จะไม่สามารถกำจัดออกได้ คือ กรดจากน้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำ, ไอโอดีน, น้ำยาฟอกขาว, ปุ๋ยเคมี, ขมิ้น เป็นต้น
“รอยเปื้อนจากสี” หากผ้าบุเฟอร์นิเจอร์ของคุณบังเอิญถูกสีกระเด็นใส่ คุณสามารถขจัดคราบได้โดยการใช้น้ำมันสนเช็ดบริเวณที่เปื้อนสี ทิ้งไว้สักพัก แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสบู่ หรือใช้แอมโมเนียผสมน้ำ หากผ้าหุ้มสามารถถอดได้ให้เอาผ้าที่เปื้อนสีแช่ไว้ครึ่งชั่วโมง แล้วนำไปซักด้วยผงซักฟอกธรรมดา รอยเลอะของสีจะหลุดออกจากโดยดี
“รอยเปื้อนจากหมึก” เมื่อเฟอร์นิเจอร์สุดรักโดนหมึกหยดใส่ หากมีถ้ามีสเปรย์ฉีดผมอยู่ใกล้ๆมือ ให้รีบฉีดสเปรย์ลงบนจุดที่เลอะรอยหมึกทันที เพราะจะช่วยทำให้ซักรอยหมึกออกได้ง่ายขึ้น หรือใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ด หากรอยหมึกยังไม่ออก ให้ใช้น้ำมะนาวและผสมเกลือแช่ทิ้งค้างคืนไว้ แล้วค่อยซักตามปกติ รอยหมึกก็จะเลือนหายไปอย่างง่ายดาย
“รอยเปื้อนจากเลือดสด” รีบนำไปแช่น้ำกับผงซักฟอก แต่หากคราบเลือดนั้นไม่ใช่คราบเลือดสด ให้ชุบน้ำเย็น หลังจากนั้นเอาเกลือโรยตรงบริเวณคราบเลือดทิ้งไว้ 1ชั่วโมง แล้วจึงนำมาซักด้วยน้ำสบู่อีกที หรือใช้ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์หยดบนรอยเปื้อน ซึ่งจะทำให้เกิดฟอง เมื่อหมดฟองใช้มือปัดให้แห้ง แล้วจึงนำไปซักตามปกติ รอยเลือดที่จะไม่มากวนใจคุณอีก
“รอยเปื้อนจากลิปสติก” คุณสามารถกำจัดคราบลิปสติกได้ง่ายๆ โดยการนำน้ำตาลทรายมาผสมน้ำ แล้วถูตรงบริเวณที่มีลิปสติกเปื้อน จากนั้นหาผ้าชุบน้ำแล้วเช็ดออก อีกวิธีคือใช้ยาสีฟันหรือวาสลินทาตรงรอยเปื้อน แล้วเอาไปซักตามปกติ คราบลิปสติกจะจางหายไป โดยปริยาย
“รอยเปื้อนจากยางผลไม้” ส่วนจุดที่โดนยางผลไม้ ให้ใช้แอลกอฮอล์เช็ดตรงรอยเปื้อน ยางผลไม้จะหลุดออกแล้วจึงนำไปซักตามปกติคราบจะหลุดออกอย่างง่ายดาย
แหล่งที่มา : www.kapook.com, บ. North Star Furniture จำกัด, blog บ. mass-furniture จำกัด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
Thank you for your comment, it will be showed later.