Check list ดูแลสุขภาพรถ

     มาดู Check List ตรวจเช็คสุขภาพรถกันครับ
  • ตรวจน้ำหม้อน้ำ  ควรตรวจทุกๆ  2 – 4 อาทิตย์
  • ตรวจระดับน้ำมันเครื่อง  ควรตรวจทุก 4 อาทิตย์ เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของสี ความหนืดและระดับของน้ำมันเครื่อง
  • ตรวจสภาพแบตเตอรี่  รถคันที่ไม่ค่อยได้ใช้ให้หมั่นสตาร์ทรถทิ้งไว้ประมาณ 20 – 30 นาทีทุก 2 – 4  สัปดาห์คะ ทำให้แบตเตอรี่ไม่อ่อนจนเกิดสภาวะที่เรียกว่าสตาร์ทไม่ติด  แต่ถ้าลืม ก็ให้ชาร์จแบตเตอรี่ด้วยเครื่องชาร์จก่อนครับ
  • เช็คอายุแบตเตอรี่ อันนี้จะมีระบุไว้อยู่แล้ว จดเก็บเอาไว้จะได้ทราบว่าควรเปลี่ยนเมื่อไรครับ
  • สภาพยางที่ปัดน้ำฝนยังสามารถรีดน้ำฝนออกจากกระจกได้ดีเหมือนเดิมหรือไม่ครับ
  • ตรวจน้ำที่ปัดน้ำฝน  ถ้ารู้ว่าช่วงไหนใช้บ่อยๆ ก็ควรตรวจทุกอาทิตย์
  • เช็คสภาพผ้าเบรก โดยการลองเหยีบเบรกกะทันหันดูคะ อันนี้ให้ลองในที่โล่งๆ ไม่ต้องขับเร็วมาก. ถ้าสามารถเบรกได้โดยไม่ไถลก็ยังใช้ได้
  • เช็คดอกยางรถ และสภาพโดยรอบ บางครั้งอาจจะมีตะปูติดล้อมาโดยไม่ทันรู้ตัว อาจทำให้ลมยางรั้วอ่อนๆ ได้
  • สุดท้าย หมั่นดู
    • ระดับน้ำมัน 
    • ภาษีรถยนต์/พรบ. ถึงกำหนดจ่ายหรือยังนะ
    • ระยะทางที่ใช้รถไปแล้วนะคะว่าถึงเวลาเข้าเช็คศูนย์หรือยังครับ
    • ระยะเวลาพ่นกันสนิม 










Share:

ปัญหากลิ่นผ้าอ้อมกวนใจ


เคยประสบปัญหาผ้าอ้อมใช้แล้วส่งกลิ่นกวนใจบ้างไหมคะ  แม้ว่าจะมั่นใจว่าพันแน่นแค่ไหน แต่ก็ยังมีกลิ่นเล็ดลอดออกมาให้ได้กลิ่นอยู่ดี  มาลองดูวิธีกำจัดกลิ่นกวนใจกันดูคะ

  • ก่อนอื่น ก่อนจะโยนผ้าอ้อมทิ้งควรพับผ้าอ้อมให้เล็กๆและพยายามเอาด้านนอกผ้าอ้อมหุ้มส่วนด้านในให้มิดนะคะ
  • ทิ้งในกระดาษห่อหรือถุงพลาสติกก่อนทิ้งลงถังขยะ
  • ถังขยะที่ใช้เก็บผ้าอ้อมสำหรับเตรียมทิ้ง ควรมีฝาปิดมิดชิดเพื่อป้องกันกลิ่นนะคะ  
  • สิ่งสุดท้าย ถ้าใครประสบปัญหาว่าแม้จะทำทุกอย่างแล้วก็ยังมีกลิ่น  ควรใส่ตัวดูดกลิ่น เช่น ถ่าน หรือ ลูกเหม็นมาใส่ในถังขยะด้วยซิคะ  
เพียงเท่านี้ปัญหากลิ่นผ้าอ้อมกวนใจก็หมดไปแล้วคะ  ใช้ได้ทั้งผ้าอ้อมสำหรับเด็กและผู้ใหญ่นะคะ
Share:

ล้างห้องเครื่องดียังไง

สาวๆ เคยสังเกตุกันไหมคะว่ารถของเราเมื่อใช้ขับไปซักระยะหนึ่งห้องเครื่องของรถจะเริ่มหม่นหมอง เริ่มมีคราบจับจนทำให้รถของเราเริ่มเป็นสีดำดูไม่สะอาด  แต่ทำไมรถคนอื่นห้องเครื่องถึงยังเหมือนใหม่เลยนะ  เขาขับกันยังไงละ มีคำตอบง่ายๆ เลยคะ คือ "การล้างทำความสะอาดห้องเครื่อง" เป็นระยะนั้นเองคะ  แต่การล้างห้องเครื่องจำเป็นต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องยนต์รถด้วยนะคะ มาดูกันคะว่ามีประเด็นหลักๆ อะไรกันบ้าง


ตัวอย่างรูปห้องเครื่องก่อนล้างห้องเครื่อง

ตัวอย่างรูปห้องเครื่องหลังล้างห้องเครื่อง
  • ก่อนล้างห้องเครื่อง ควรจะตรวจดูก่อนว่าห้องเครื่องของรถมีอุปกรณ์ไฟฟ้าอะไรบ้าง ให้หาถุงพลาสติกมาคลุมเพื่อป้องกันน้ำซึมทำให้เกิดความเสียหาย
  • การใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ฉีดน้ำเข้าเครื่องโดยตรง  หลายคนคิดว่าการใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงฉีดทำความสะอาดจะช่วยให้คราบติดแน่นหลุดออกได้  แต่อาจจะทำให้ชิ้นส่วนของเครื่องยนต์เสียหายได้เช่นกันคะ  กรณีที่ต้องการใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงต้องมีความชำนาญในการฉีดด้วยนะคะ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการเกิด   ลองหันมาเลือกใช้น้ำยาหรือสเปรย์ล้างห้องเครื่องจะช่วยทำความสะอาดและล้างคราบเขม่าได้หมดจดเช่นกันคะ
ข้อดีของการล้างห้องเครื่อง
ช่วยให้ห้องเครื่องสะอาดและลดการสะสมความร้อนของเครื่องยนต์ได้คะ

สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยและไม่มั่นใจแต่อยากทำความสะอาดห้องเครื่องก็สามารถใช้บริการของร้านล้างรถ  แต่ถ้าหากมั่นใจและอยากทำความสะอาดห้องเครื่องเองก็สามารถทำได้เช่นกันคะ



ขอบคุณสำหรับรูปประกอบบทความจาก internet และข้อมูลประกอบบทความจากช่างโต้งด้วยนะคะ
Share:

น้ำมันเครื่อง?


มาทำความรู้จักเกี่ยวกับน้ำมันเครื่องกันดีกว่าครับ
ประเภทของนำ้มันเครื่อง
  1. ชนิดธรรมดา  จะมีระยะเวลาการใช้งานประมาณ 4,000 กิโลเมตร
  2. ชนิดกึ่งสังเคราะห์  จะมีระยะเวลาการใช้งานประมาณ 6,000 กิโลเมตร
  3. ชนิดสังเคราะห์ จะมีระยะเวลาการใช้งานประมาณ 10,000 กิโลเมตร


เกรดของน้ำมันเครื่อง
  1. เกรดสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน  นำมันเครื่องกลุ่มนี้จะมีตัวอักษร S ตามด้วยตัวอักษรเรียงจาก A-Z ตามเกราดของน้ำมันนั้น เช่น API SL เป็นต้น
  2. เกรดสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล จะมีตัวอักษร ฉ ตามด้วยตัวอักษรเรียงจาก A-Z ตามเกราดของน้ำมันนั้น และตัวเลขที่บอกชนิดลูกสูบเครื่องยนต์ เช่น API CI-6 เป็นต้น


ความหนืดของน้ำมันเครื่อง
จะมีการกำนหนดค่าความหนืดของน้ำมันเครื่องด้วยตัวเลข ดังนี้
  • 5W  หมายถึง ค่าความหนืดของน้ำมันเครื่องในอุณหภูมิที่ติดลบหรืออุณหภูมิเย็นจัด น้ำมันเครื่องจะมีคความหนืดในเกรดที่ 5
  • 40  หมายถึง ค่าความหนืดของน้ำมันเครื่องในอุณหภูมิอยู่ในเกรดที่ 40 เป็นต้น


แล้วทำไมถึงต้องใช้น้ำมันเครื่อง
  • นำ้มันเครื่องมีหน้าที่ในการหล่อลื่นเครื่องยนต์ 
  • น้ำมันเครื่องช่วยลดความร้อนของเครื่องยนต์
  • ช่วยป้องกันการรั่วของกำลังอัด
  • น้ำมันเครื่องทำหน้าที่ในการทำความสะอาดเครื่องยนต์ 


คราวนี้คงจะพอทราบเป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับการเลือกซื้อน้ำมันเครื่องกันนะคะ


ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ จากเว็บบอร์ดคนรักรถ นะคะ
Share:

ไรฝุ่น คุณป้องกันได้


ไรฝุ่น...ภัยเงียบที่คุณป้องกันได้
Share:

วิธีดูแลรถหลังน้ำท่วม

Share:

ของหนุ่มๆ ที่สาวๆ ก็เลือกใช้ได้

Share:

ซื้อบ้านดียังไงนะ

Share:

ขับรถให้ประหยัดน้ำมัน

Share:

ข้าวมันไก่บ้านๆ

Share:

มุมมองในการขับรถ

Share:

Homemade yogurt

Share:

เตรียมตัวให้พร้อมวันหยุดยาว


เตรียมตัวพร้อมรับวันหยุดยาว

          ใครมีแผนเดินทางในวันหยุดยาวกันบ้างคะ  มาดูกันคะว่าเตรียมตัวรับแผนการเดินทางวันหยุดยาวกันอย่างไรคะ

          1. เช็ดสภาพและความพร้อมของรถและคนขับก่อนการเดินทาง อันนี้สำคัญมากคะ  กรณีที่วางแผนเดินทางไกลด้วยรถยนต์ควรจะเช็ดสภาพความพร้อมของรถ รวมทั้งเช็ดการต่อภาษีรถยนต์รายปี และสภาพคนขับให้พร้อมกับการเดินทางไกล  ซึ่งจะช่วยลดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันได้เป็นอย่างดีทีเดียวนะคะ
          2. เตรียมพกอุปกรณ์ฉุกเฉินติดรถ ได้แก่ น้ำมันสำรอง ยางอะไหล่ ปั๊มลมยาง ชุดอุปกรณ์ฉุกเฉิน ไฟฉาย สเปร์ยปะยาง เป็นต้น
          3. เตรียมน้ำและขนมติดรถไวด้ด้วยนะคะ (กรณีรถติดอยู่บนถนน)
          4. กล้องติดรถยนต์ ช่วยให้คุณสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ที่คุณต้องการระหว่างการเดินทางได้ดีทีเดียว มีหลายรุ่นหลายราคาให้เลือกใช้กันคะ บางคนก็อาจนำโทรศัพท์มือถือหรือกล้องถ่ายรูปมาติดแทนก็ได้เหมือนกันนะคะ
          5. GPS กันหลงทาง พร้อมลุยได้คะ
          6. วางแผนการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นเงินสดฉุกเฉิน เป็นต้น
          7. เสื้อกันหนาว / ซองกันน้ำอุปกรณ์อิเล็คโทรนิกส์ต่างๆ เป็นต้น

ขอให้ปลอดภัยตลอดการเดินทางกันนะคะ



Share:

การเลือกใช้ผ้าเช็ดรถ

ผ้าเช็ดรถสำคัญอย่างไร

          เคยเกิดคำถามกันบ้างไหมคะว่าผ้าเช็ดรถมีมากมายต่างกันอย่างไร  คงคิดว่าผ้าอะไรก็เช็ดให้แห้งได้เหมือนกันมั้งนะ

        แม้ว่าจะเป็นแค่การเช็ดให้แห้งจากการล้างด้วยน้ำเปล่าธรรมดาทั่วไปก็ควรใช้ผ้าที่แตกต่างแล้วคะ ส่วนใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับการเช็ดรถ เนื่องจากผ้าที่ใช้สำหรับการเช็ดรถ นอกจากจะช่วยในการดูดซับฝุ่นที่ติดตามพื้นผิวรถแล้ว ยังเป็นการป้องกันการเกิดรอยที่อาจเกิดจากผ้าที่ไม่เหมาะสมด้วยนะคะ (เรียกว่ารอยขนแมว)

           หลังจากการล้างรถด้วยแชมพูล้างรถ ขณะที่รถยังเปียกชุ่ม ควรเลือกใช้ผ้าชามัวร์ (ไม่ว่าจะเป็นผ้าชามัวร์แท้หรือผ้าชามัวร์สังเคราะห์) ในการเช็ด เนื่องจากมีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำได้เร็วและดูดซับปริมาณน้ำได้มากกว่าผ้าทั่วไป  จึงช่วยลดการเกิดคราบน้ำบนพื้นผิวรถได้ดีคะ  ด้วยคุณสมบัติของผ้าชามัวร์นี้เองที่ทำให้มีการใช้ผ้าชามัวร์มากขึ้น เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้รถของคุณเงาวาบได้แล้วคะ

            สำหรับผ้าชามัวร์สังเคราะห์กับผ้าไมโครไฟเบอร์ ที่มีการนิยมใช้เป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีราคาถูก จุดเด่นของผ้าไม่โครไฟเบอร์ คือ ความนุ่มไม่กระด้างและสามารถซับน้ำได้ระดับหนึ่ง  แต่ความสามารถในการดูดซับน้ำยังน้อยกว่าผ้าชามัวร์สังเคราะห์ ทำให้อาจต้องใช้เวลาในการเช็ดให้แห้งมากกว่าการใช้ผ้าชามัวร์สังเคราะห์นั้นเอง
         


#ผ้าเช็ดรถ, #ผ้าเช็ดทำความสะอาด, #ผ้าชามัวร์สังเคราะห์, #แชมพูล้างรถ, #การล้างรถ, #วิธีล้างรถ, #คนรักรถ, keyhome





Share:

smart plant growing bed

Share:

วิธีทำความสะอาดภายในรถยนต์

Share:

เครื่อง overheat ทำไงดีนะ

Share:

ขับรถขึ้นเขา ทำไงดี



Share:

ภาษีใหม่ ต่างจากเดิมยังไงมาดูกันเลย

Share:

ปากกาสำหรับ Touch screen เลือกใช้ยังไงน้า


ปากกาสำหรับ Touch screen เลือกใช้ยังไงน้า

ใครกำลังมองหาปากกาสำหรับ touch screen ได้แก่ smart phone, tablet, Ipad เป็นต้น  จะเห็นว่าปากกาสำหรับ touch screen ทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ

  • กลุ่มที่มีหัวปากกาแบบ disc หรือ ball-point  :  เป็นกลุ่มปากกาทีมีลักษณะเป็นหัวแผ่นดิสต์หรือหัว ลักษณะปากกาลูกลื่น กลุ่มนี้จะเหมาะกับงานที่เน้นความแม่นยำ / ลายเส้น  


  • กลุ่มที่มีหัวปากกาแบบ ball (หัวกลม) : เป็นกลุ่มปากกาที่มีลักษณะหัวกลุ่มนุ่ม จะใช้คล้ายกับการใช้นิ้วมือ จึงเป็นที่นิยมใช้  อย่างไรก็ตาม ปากกากลุ่มจะเหมาะกับงานทั่วไปบน touch screen แต่ไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความมแ่นยำ / ลายเส้นนะคะ

คราวนี้ ใครที่กำลังมองหาซื้อปากกาอยู่คงสามารถเลือกใช้ได้ตรงกับความต้องการแล้วนะคะ







#touch pen, #touch screen, #stylus pen, #capative pen, #disc pen, #ball-head pen, #ipad, #tablet, #smartphone, #ipod, #วิธีการใช้ปากกา touch pen

Share:

เอกสารเกี่ยวข้องกับการซื้อขายบ้าน

Share:

มารู้จักเอกสารสิทธิ์เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์กันดีกว่า


รู้กันไหมคะว่าเอกสารแสดงสิทธิ์ในการครอบครองที่ดินมีอยู่กี่ประเภท มาทำความรู้จักกันเลยคะ

แบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.๑)
ใบแจ้งการครอบครองที่ดินเป็นหลักฐานว่าผู้ครอบครองเป็นผู้แจ้งว่าครอบครองที่ดินแปลงใดอยู่
ใบจอง (น.ส.๒)หนังสือที่ทางราชการออกให้เพื่อเป็นการแสดงความยินยอมให้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินเป็นการชั่วคราว ซึ่งใบจับจองนี้จะออกให้แก่ราษฎรที่ทางราชการได้จัดที่ดินให้ทำกินตามประมวลกฏหมายที่ดิน ซึ่งทางราชการจะมีประกาศเปิดโอกาสให้จับจองเป็นคร่าวๆ ในท้องที่และผู้ต้องการจับจองควรคอยฟังข่าวของทางราชการ
หนังสือรับรองการทำประโยชน์
   น.ส.๓
   
ออกให้แก่ผู้ครอบครองที่ดินทั่วๆ ไป ในพื้นที่ไม่มีระวางมีลักษณะเป็นแผนที่รูปลอยไม่มีการกำหนดตำแหน่งที่ดินแน่นอน หรือออกในท้องที่ที่ไม่มีระวางรูปถ่ายทางอากาศ
   น.ส.๓ก   ออกในท้องที่ที่มีระวางรูปถ่ายทางอากาศโดยมีการกำหนดตำแหน่งที่ดินในระวางรูปถ่ายทางอากาศ
   น.ส.๓ขออกในท้องที่ที่ไม่มีระวางรูปถ่ายทางอากาศ
ใบไต่สวน (น.ส.๕)หนังสือแสดงการสอบสวนเพื่อออกโฉนดที่ดินเป็นหนังสือแสดงให้ทราบว่าได้มีการสอบสวนสิทธิในที่ดินแล้ว สามารถจดทะเบียนตามประมวลกฏหมายที่ดินได้ ใบไต่สวนไม่ใช่หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์แต่สามารถจดทะเบียนโอนให้กันได้
โฉนดที่ดิน
..........................................................
หนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ซึ่งออกให้ตามประมวลกฏหมายที่ดินปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงโฉนดแผนที่ โฉนดตราจอง และตราจองที่ว่า "ได้ทำประโยชน์แล้ว" ซึ่งออกให้ตามกฏหมายเก่า แต่ถือว่ามีกรรมสิทธิ์เช่นกัน

Reference : กรมที่ดิน, pdf file
Share:

เคล็ดไม่ลับในการเตรียมตัวขอเงินกู้ซื้อบ้าน



สำหรับผู้ที่กำลังคิดจะกู้เงินซื้อบ้านมาดูเคล็ดไม่ลับในการเตรียมตัวขอเงินกู้ซื้อบ้านกันเลยคะ

1. ตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโร
สามารถตรวจสอบได้ที่ http://www.ncb.co.th หลักฐานในการตรวจสอบเครดิตบูโร คือ บัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทางของผู้กู้
2. ตรวจสอบวินัยทางการเงิน
ทางสถาบันทางการเงินมักจะดูประวัติการผ่อนชำระหนี้ (ได้แก่ การผ่อนชำระค่าสินค้า เป็นต้น) ของผู้กู้ว่ามีการผ่อนชำระตรงตามกำหนดและสม่ำเสมอหรือไม่
3. เลือกบ้านที่เหมาะสมกับรายได้
แนวคิดในการประมาณการซื้อบ้านให้เหมาะกับรายได้ ดังนี้

Step 1 ราคาบ้านที่จะกู้ซื้อได้ คิดได้ดังสูตร 
รายได้ต่อเดือน x 60เท่าของรายได้ = ราคาบ้านที่กู้ซื้อได้


ตัวอย่างที่ 1 ผู้กู้มีรายได้ประมาณ 30,000 บาทต่อเดือน โดยไม่มีภาระหนี้อื่นใด ดังนั้น ราคาบ้านที่จะกู้ซื้อได้จะอยู่ประมาณ 1.8 ล้านบาท เป็นต้น



Step 2 ความสามารถในการผ่อนชำระ
รายได้ต่อเดือน x 30%หรือ40% = ความสามารถผ่อนชำระ

ตัวอย่างที่ 2 ผู้กู้มีรายได้ประมาณ 30,000 บาทต่อเดือน โดยไม่มีภาระหนี้อื่นใด ดังนั้น ความสามารถในการผ่อนชำระจะอยู่ประมาณ 9,000 – 12,000 บาทต่อเดือน เป็นต้น

เกณฑ์ในการประเมินความสามารถในการผ่อนชำระบางสถาบันการเงินอาจจะให้สูงสุด 50% 

Step 3 กรณีที่ผู้กู้มีภาระหนี้สินอื่นอยู่ก่อนแล้ว จะทำให้วงเงินที่จะต้องการกู้ซื้อบ้านลดลง
(1,000,000 / 7,000) x ความสามารถในการผ่อนชำระ = วงเงินที่สามารถกู้ได้

ตัวอย่างที่ 3 ผู้กู้มีรายได้ประมาณ 30,000 บาทต่อเดือน มีภาระในการผ่อนรถอยู่เดือนละ 8,000 บาท จากตัวอย่างที่ 2 ทำให้ผู้กู้มีความสามารถในการผ่อนชำระสูงสุดเหลือเพียง 4,000 บาท ดังนั้น วงเงินที่จะสามารถกู้ได้ลดเหลือเพียง 571,429 บาท เป็นต้น

*แนวคิดในการประเมินความสามารถในการกู้ ผ่อนชำระและวงเงินซื้อบ้านนี้ อาจจะแตกต่างกันในแต่ละสถาบันการเงิน*

4. เงินออม
ผู้กู้ควรมีเงินสำรองอย่างน้อย 5 – 15% ของราคาบ้านที่ต้องการจะซื้อ (สำหรับค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ จดจำนอง เงินดาวน์ และอื่นๆ) และอีก 10% เพื่อใช้ในการตกแต่งบ้าน

ตัวอย่างที่ 1 กรณีบ้านราคา 1 ล้านบาท
  •  อยู่ระหว่างการก่อสร้าง มักจะเก็บเงินดาวน์ที่ 10 – 20% ของราคา
  • ก่อสร้างเสร็จแล้ว
  • โครงการแนวราบ เช่นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ มักจะวางโปรแกรมผ่อนเงินดาวน์ประมาณ 3 – 6 เดือน
 ตัวอย่าง บ้านเดี่ยวราคา1 ล้านบาท เรียกเก็บเงินดาวน์ 10% = 1 แสนบาท ให้ผ่อนดาวน์ 3 เดือน = ชำระค่าดาวน์บ้านเฉลี่ยเดือนละ 3.33 หมื่นบาท

    • คอนโดมิเนียม มักจะมีโปรแกรมผ่อนดาวน์มักจะอยู่ระหว่าง 8 – 36 เดือน เก็บเงินดาวน์ที่ 10% ของราคา
5. บัญชีธนาคาร
สถาบันการเงินจะขอดูบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน สำหรับผู้ที่คิดจะกู้เงินจึงควรจะมีเงินคงไว้ในบัญชีอย่างสม่ำเสมอ 
6. บัตรเครดิตทีึ่ไม่จำเป็น…. จงยกเลิก
สถาบันการเงินจะมองว่าวงเงินที่ผู้กู้ได้รับในบัตรเครดิตแต่ละใบถือเป็นวงเงินหนี้สินที่อาจจะมีขึ้นของผู้กู้ ซึ่งจะทำให้โอกาสการอนุมัติสินเชื่อบ้านลดลงด้วย
7. เตรียมความพร้อมก่อนยื่นขอสินเชื่อบ้าน
โดยการหาข้อมูล เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านของสถาบันการเงินแต่ละแห้งว่าเป็นอย่างไร อัตราดอกเบี้ยเท่าไหร่ วงเงินที่ให้กู้ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในการใช้บริการ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
8. ประเมินโครงการอสังหาริมทรัพย์
กรณีที่ไปซื้อบ้าน / คอนโดของโครงการต่างๆ ควรดูความน่าเชื่อถือ ชื่อเสียงและคุณภาพของโครงการ ซึ่งหากเป็นโครงการจากดิวิลอปเปอร์ชั้นนำจะได้รับเชื่อมั่นจากสถาบันการเงินมากขึ้น และมักจะให้วงเงินกู้สูงสุด 100% หากเป็นโครงการที่มาจากดิวิลอปเปอร์ที่ยังไม่มีชื่อเสียงและหน้าใหม่ของวงการ สถาบันการเงินมักจะให้วงเงินกู้ไม่ถึง 100% แม้ว่าจะเป็นโครงการใหม่ก็ตาม




Share:

มารู้จักดอกเบี้ยเงินกู้กันหน่อยไหม


ใครที่กำลังคิดจะกู้เงิน ต้องทำความรู้จักกับอัตราดอกเบี้ยกันก่อนเลยคะ มาดูกันว่าอัตราดอกเบี้ยที่ทางสถาบันการเงินคิดมีอะไรบ้าง
  • MLR  (Minimum Loan Rate) หลายคนอาจจะไม่ค่อยได้ยินคำนี้ เนื่องจากเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ทางสถาบันการเงินเรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน  นิยมใช้กับเงินกู้ระยะยาวที่มีการกำหนดระยะเวลาชัดเจน
  • MRR (Minimum Retail Rate)  เป็นคำที่ได้ยินกันบ่อย เนื่องจากเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ทางสถาบันการเงินเรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี ไม่มีการกำหนดระยะเวลาเงินกู้ชัดเจน ผ่อนชำระไปเรื่อยๆ จนกว่าจะชำระเงินต้นหมด
  • MOR (Minimum Overdraft Rate)  เป็นอัตราดอกเบี้ยที่ทางสถาบันการเงินใช้กับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีที่มีการเบิกเงินเกินบัญชี
นอกจากอัตราดอกเบี้ยเหล่านี้แล้ว อาจจะมีคำเรียกอื่นๆ ซึ่งแตกต่างกันในแต่ละธนาคารได้เช่นกัน

Share:

เตรียมตัวก่อนยื่นขอกู้เงิน

Share:

DIY_กล่องใส่ของ

Share:

สิทธิทางภาษีในการซื้อบ้านหลังใหม่

Share:

จอดรถยังไง ผิดกฏหมายหรือเปล่า

Share:

Popular Posts

Just Pick It



คลังบทความของบล็อก