เอกสารเกี่ยวข้องกับการซื้อขายบ้าน

Share:

มารู้จักเอกสารสิทธิ์เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์กันดีกว่า


รู้กันไหมคะว่าเอกสารแสดงสิทธิ์ในการครอบครองที่ดินมีอยู่กี่ประเภท มาทำความรู้จักกันเลยคะ

แบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.๑)
ใบแจ้งการครอบครองที่ดินเป็นหลักฐานว่าผู้ครอบครองเป็นผู้แจ้งว่าครอบครองที่ดินแปลงใดอยู่
ใบจอง (น.ส.๒)หนังสือที่ทางราชการออกให้เพื่อเป็นการแสดงความยินยอมให้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินเป็นการชั่วคราว ซึ่งใบจับจองนี้จะออกให้แก่ราษฎรที่ทางราชการได้จัดที่ดินให้ทำกินตามประมวลกฏหมายที่ดิน ซึ่งทางราชการจะมีประกาศเปิดโอกาสให้จับจองเป็นคร่าวๆ ในท้องที่และผู้ต้องการจับจองควรคอยฟังข่าวของทางราชการ
หนังสือรับรองการทำประโยชน์
   น.ส.๓
   
ออกให้แก่ผู้ครอบครองที่ดินทั่วๆ ไป ในพื้นที่ไม่มีระวางมีลักษณะเป็นแผนที่รูปลอยไม่มีการกำหนดตำแหน่งที่ดินแน่นอน หรือออกในท้องที่ที่ไม่มีระวางรูปถ่ายทางอากาศ
   น.ส.๓ก   ออกในท้องที่ที่มีระวางรูปถ่ายทางอากาศโดยมีการกำหนดตำแหน่งที่ดินในระวางรูปถ่ายทางอากาศ
   น.ส.๓ขออกในท้องที่ที่ไม่มีระวางรูปถ่ายทางอากาศ
ใบไต่สวน (น.ส.๕)หนังสือแสดงการสอบสวนเพื่อออกโฉนดที่ดินเป็นหนังสือแสดงให้ทราบว่าได้มีการสอบสวนสิทธิในที่ดินแล้ว สามารถจดทะเบียนตามประมวลกฏหมายที่ดินได้ ใบไต่สวนไม่ใช่หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์แต่สามารถจดทะเบียนโอนให้กันได้
โฉนดที่ดิน
..........................................................
หนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ซึ่งออกให้ตามประมวลกฏหมายที่ดินปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงโฉนดแผนที่ โฉนดตราจอง และตราจองที่ว่า "ได้ทำประโยชน์แล้ว" ซึ่งออกให้ตามกฏหมายเก่า แต่ถือว่ามีกรรมสิทธิ์เช่นกัน

Reference : กรมที่ดิน, pdf file
Share:

เคล็ดไม่ลับในการเตรียมตัวขอเงินกู้ซื้อบ้าน



สำหรับผู้ที่กำลังคิดจะกู้เงินซื้อบ้านมาดูเคล็ดไม่ลับในการเตรียมตัวขอเงินกู้ซื้อบ้านกันเลยคะ

1. ตรวจสอบข้อมูลเครดิตบูโร
สามารถตรวจสอบได้ที่ http://www.ncb.co.th หลักฐานในการตรวจสอบเครดิตบูโร คือ บัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทางของผู้กู้
2. ตรวจสอบวินัยทางการเงิน
ทางสถาบันทางการเงินมักจะดูประวัติการผ่อนชำระหนี้ (ได้แก่ การผ่อนชำระค่าสินค้า เป็นต้น) ของผู้กู้ว่ามีการผ่อนชำระตรงตามกำหนดและสม่ำเสมอหรือไม่
3. เลือกบ้านที่เหมาะสมกับรายได้
แนวคิดในการประมาณการซื้อบ้านให้เหมาะกับรายได้ ดังนี้

Step 1 ราคาบ้านที่จะกู้ซื้อได้ คิดได้ดังสูตร 
รายได้ต่อเดือน x 60เท่าของรายได้ = ราคาบ้านที่กู้ซื้อได้


ตัวอย่างที่ 1 ผู้กู้มีรายได้ประมาณ 30,000 บาทต่อเดือน โดยไม่มีภาระหนี้อื่นใด ดังนั้น ราคาบ้านที่จะกู้ซื้อได้จะอยู่ประมาณ 1.8 ล้านบาท เป็นต้น



Step 2 ความสามารถในการผ่อนชำระ
รายได้ต่อเดือน x 30%หรือ40% = ความสามารถผ่อนชำระ

ตัวอย่างที่ 2 ผู้กู้มีรายได้ประมาณ 30,000 บาทต่อเดือน โดยไม่มีภาระหนี้อื่นใด ดังนั้น ความสามารถในการผ่อนชำระจะอยู่ประมาณ 9,000 – 12,000 บาทต่อเดือน เป็นต้น

เกณฑ์ในการประเมินความสามารถในการผ่อนชำระบางสถาบันการเงินอาจจะให้สูงสุด 50% 

Step 3 กรณีที่ผู้กู้มีภาระหนี้สินอื่นอยู่ก่อนแล้ว จะทำให้วงเงินที่จะต้องการกู้ซื้อบ้านลดลง
(1,000,000 / 7,000) x ความสามารถในการผ่อนชำระ = วงเงินที่สามารถกู้ได้

ตัวอย่างที่ 3 ผู้กู้มีรายได้ประมาณ 30,000 บาทต่อเดือน มีภาระในการผ่อนรถอยู่เดือนละ 8,000 บาท จากตัวอย่างที่ 2 ทำให้ผู้กู้มีความสามารถในการผ่อนชำระสูงสุดเหลือเพียง 4,000 บาท ดังนั้น วงเงินที่จะสามารถกู้ได้ลดเหลือเพียง 571,429 บาท เป็นต้น

*แนวคิดในการประเมินความสามารถในการกู้ ผ่อนชำระและวงเงินซื้อบ้านนี้ อาจจะแตกต่างกันในแต่ละสถาบันการเงิน*

4. เงินออม
ผู้กู้ควรมีเงินสำรองอย่างน้อย 5 – 15% ของราคาบ้านที่ต้องการจะซื้อ (สำหรับค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ จดจำนอง เงินดาวน์ และอื่นๆ) และอีก 10% เพื่อใช้ในการตกแต่งบ้าน

ตัวอย่างที่ 1 กรณีบ้านราคา 1 ล้านบาท
  •  อยู่ระหว่างการก่อสร้าง มักจะเก็บเงินดาวน์ที่ 10 – 20% ของราคา
  • ก่อสร้างเสร็จแล้ว
  • โครงการแนวราบ เช่นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ มักจะวางโปรแกรมผ่อนเงินดาวน์ประมาณ 3 – 6 เดือน
 ตัวอย่าง บ้านเดี่ยวราคา1 ล้านบาท เรียกเก็บเงินดาวน์ 10% = 1 แสนบาท ให้ผ่อนดาวน์ 3 เดือน = ชำระค่าดาวน์บ้านเฉลี่ยเดือนละ 3.33 หมื่นบาท

    • คอนโดมิเนียม มักจะมีโปรแกรมผ่อนดาวน์มักจะอยู่ระหว่าง 8 – 36 เดือน เก็บเงินดาวน์ที่ 10% ของราคา
5. บัญชีธนาคาร
สถาบันการเงินจะขอดูบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน สำหรับผู้ที่คิดจะกู้เงินจึงควรจะมีเงินคงไว้ในบัญชีอย่างสม่ำเสมอ 
6. บัตรเครดิตทีึ่ไม่จำเป็น…. จงยกเลิก
สถาบันการเงินจะมองว่าวงเงินที่ผู้กู้ได้รับในบัตรเครดิตแต่ละใบถือเป็นวงเงินหนี้สินที่อาจจะมีขึ้นของผู้กู้ ซึ่งจะทำให้โอกาสการอนุมัติสินเชื่อบ้านลดลงด้วย
7. เตรียมความพร้อมก่อนยื่นขอสินเชื่อบ้าน
โดยการหาข้อมูล เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านของสถาบันการเงินแต่ละแห้งว่าเป็นอย่างไร อัตราดอกเบี้ยเท่าไหร่ วงเงินที่ให้กู้ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในการใช้บริการ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
8. ประเมินโครงการอสังหาริมทรัพย์
กรณีที่ไปซื้อบ้าน / คอนโดของโครงการต่างๆ ควรดูความน่าเชื่อถือ ชื่อเสียงและคุณภาพของโครงการ ซึ่งหากเป็นโครงการจากดิวิลอปเปอร์ชั้นนำจะได้รับเชื่อมั่นจากสถาบันการเงินมากขึ้น และมักจะให้วงเงินกู้สูงสุด 100% หากเป็นโครงการที่มาจากดิวิลอปเปอร์ที่ยังไม่มีชื่อเสียงและหน้าใหม่ของวงการ สถาบันการเงินมักจะให้วงเงินกู้ไม่ถึง 100% แม้ว่าจะเป็นโครงการใหม่ก็ตาม




Share:

มารู้จักดอกเบี้ยเงินกู้กันหน่อยไหม


ใครที่กำลังคิดจะกู้เงิน ต้องทำความรู้จักกับอัตราดอกเบี้ยกันก่อนเลยคะ มาดูกันว่าอัตราดอกเบี้ยที่ทางสถาบันการเงินคิดมีอะไรบ้าง
  • MLR  (Minimum Loan Rate) หลายคนอาจจะไม่ค่อยได้ยินคำนี้ เนื่องจากเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ทางสถาบันการเงินเรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน  นิยมใช้กับเงินกู้ระยะยาวที่มีการกำหนดระยะเวลาชัดเจน
  • MRR (Minimum Retail Rate)  เป็นคำที่ได้ยินกันบ่อย เนื่องจากเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ทางสถาบันการเงินเรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี ไม่มีการกำหนดระยะเวลาเงินกู้ชัดเจน ผ่อนชำระไปเรื่อยๆ จนกว่าจะชำระเงินต้นหมด
  • MOR (Minimum Overdraft Rate)  เป็นอัตราดอกเบี้ยที่ทางสถาบันการเงินใช้กับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีที่มีการเบิกเงินเกินบัญชี
นอกจากอัตราดอกเบี้ยเหล่านี้แล้ว อาจจะมีคำเรียกอื่นๆ ซึ่งแตกต่างกันในแต่ละธนาคารได้เช่นกัน

Share:

Popular Posts

Just Pick It